มื่อเร็ว ๆ นี้ บริษัทเกมส์ที่ตั้งอยู่ประเทศจีนจำนวน 200 กว่าบริษัทได้ร่วมกันลงนามปฏิบัติตามแนวทางของ กฎหมายควบคุมการเล่นเกมส์
เมื่อวันที่ 24 ก.ย. 2564 ที่ผ่านมา ได้มีการรายงานข่าวถึงการที่บรรดาบริษัทเกมส์สัญชาติจีนจำนวนมากกว่า 200 บริษัทนั้นได้ร่วมลงนามในการปฏิบัติภายใต้แนวทางของ กฎหมายควบคุมการเล่นเกมส์ ที่ซึ่งได้มีการประกาศไปเมื่อหลายสัปดาห์ก่อนหน้านี้
โดยทางสำนักข่าว Reuter นั้นได้ทำการรายงานว่า CGIFC – สมาคมทางด้านอุตสาหกรรมเกมส์ที่ได้รับสนับสนุนจาก กระทรวงสื่อและสิ่งพิมพ์แห่งชาติ ของประเทศจีน ได้ปล่อยแถลงการผ่านช่องทาง WeChat เพื่อเรียกร้องให้มีการจัดการกับการติดเกมส์ที่พบมากขึ้นในสังคมจีน
ซึ่งแถลงการดังกล่าวนั้นก็ได้รับการตอบรับ และลงนามเห็นด้วยจากบริษัทเกมส์ที่มีฐานที่ตั้งอยู่ในประเทศจีน จำนวน 213 บริษัทด้วยกัน โดยในจำนวนนั้นก็มีบริษัทชั้นนำอย่าง Tencent และ NetEase อยู่ด้วย
ภายในเอกสารลงนามดังกล่าว ก็มีการเรียกร้องให้มีการใช้งานระบบตรวจสอบใบหน้า (facial recognition) เพื่อทำการระบุตัวตนของผู้ใช้งาน โดยเฉพาะผู้เยาว์/เยาวชน ที่ทำการเล่นนอกเหนือเวลาที่กำหนด (1 ชม./วัน ในช่วงสุดสัปดาห์ – ศ, ส, อา) ที่ซึ่งเป็นแนวทางที่ทาง Tencent ได้นำมาใช้งานเมื่อปีที่ผ่านมา
นอกจากนี้แล้วพวกเขายังได้ให้คำมั่นว่าจะจัดการกับเนื้อหาที่มีแนวทาง “บิดเบือนประวัติศาสตร์” หรือำเสนอพฤติกรรมที่มีความเป็นผู้หญิงในผู้ชาย หรือ “ไม่แมน” ที่ถือว่าสอดคล้องกับแนวทางการจัดการสื่อบันเทิงของทางการจีน
อีกทั้งยังได้มีการเน้นย้ำถึงแนวการควบคุมการเล่นเกมส์สำหรับเยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี โดยจำกัดเวลาในการเล่นเกมส์ให้อยู่ที่ 3 ชม./สัปดาห์ ภายในช่วงสุดสัปดาห์ – ศุกร์, เสาร์ และอาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 2 ทุ่ม – 3 ทุ่ม รวมไปถึงการจำกัดยอดการใช้จ่ายของผู้เล่นที่มีอายุ 16-18 ปี ไว้ที่ 400 หยวนต่อเดือน ($60 – 2,007.00 บาท)
นอกเหนือไปจากกฎหมายจำกัดเวลาแล้วนั้น ทางรัฐบาลจีนยังได้มีการดำเนินการมาตราการอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นการตั้งเว็บไซต์เพื่อรับคำร้องเรียนบรรดาเกมส์ และบริษัทเกมส์ที่ละเมิดข้อบังคับต่าง ๆ และการตั้งระยะเวลาในการรับรองเกมส์ออนไลน์ใหม่ให้นานมากขึ้น
นี้ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามในการ “ปฏิวัติวัฒนธรรมใหม่” ของประเทศจีน ที่นอกจากเกมส์แล้วสื่อต่าง ๆ ก็ยังได้รับผลกระทบในการควบคุมให้เป็นไปในแนวทางที่ทางรัฐบาลจีนด้วยเช่นกัน
